“มะเร็งเม็ดเลือดขาว” หรือ “ลูคีเมีย” เป็นความผิดปกติที่เกิดจากไขกระดูก
“เลือด” มีเม็ดเลือดอยู่ 3 ชนิด เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด ลงลึกในรายละเอียด เม็ดเลือดตัวที่โตเป็นหนุ่มเป็นสาว
จะทำหน้าที่ได้...“เม็ดเลือดแดงทำหน้าที่จับออกซิเจนจากปอดไปสู่ส่วนต่างๆของร่างกาย เม็ดเลือดขาวก็ทำหน้าที่เหมือนทหาร...ต่อสู้ ป้องกัน ส่วนเกล็ดเลือด เวลาเลือดออกทำให้เลือดหยุด”
ศ.นพ.สุรพล อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์โลหิตวิทยากรุงเทพ โรงพยาบาลวัฒโนสถ บอกว่า ปกติเม็ดเลือดทั้งสามชนิดถูกสร้างในโรงงานที่อยู่ในไขกระดูก เริ่มต้นจากเซลล์ตัวแรก ที่เรียกว่าสเต็มเซลล์... คือเซลล์ที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเม็ดเลือดได้ทั้งสามชนิด สามารถจะแบ่งตัวให้ได้เป็นเซลล์ตัวใหม่ที่มีคุณสมบัติเหมือนเดิมทุกอย่าง
คำถามมีว่า...“ลูคีเมีย” เป็นโรคของเซลล์ตัวไหน?
คำตอบก็คือ...เป็นโรคที่ถัดมาจากสเต็มเซลล์ที่จะเจริญเป็นเม็ดเลือดขาว
โดยที่มีความผิดปกติ โดยมีการเพิ่มจำนวนขึ้นมาอย่างเยอะแยะมากมาย ก็คือการเพิ่มแบบ...“มะเร็ง” เพิ่มอย่าง...“ไม่หยุดยั้ง” เพิ่มอยู่ตลอดเวลาเต็มไปหมดเลย
“ทีนี้ เซลล์ที่ว่านี้ก็เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวตัวที่อ่อนที่สุด จะไม่ออกมาในกระแสเลือด...พอไม่ออกมาก็สะสมอยู่ในไขกระดูก สะสมมากขึ้น
ก็จะไปเบียดการสร้างเม็ดเลือดปกติ ฉะนั้น...ผลจะทำให้เม็ดเลือดปกติของคนไข้ลดลงไปหมดเลย...ทั้งเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด”
เม็ดเลือดแดงลดลงก็จะมีปัญหา “โลหิตจาง เหนื่อยง่าย ซีด”...เม็ดเลือดขาวลดลงก็เหมือนทหารลดลง มีโรค มีเชื้อ มีไข้...เกล็ดเลือดลดลงก็มีเลือดออกผิดปกติ...ทั้งหมดนี้เป็นอาการของ “ลูคีเมีย” เฉียบพลัน
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันถือเป็นมะเร็งที่มีอาการรุนแรงที่สุด เพราะเป็นกับไขกระดูกที่เป็นโรงงานผลิตหลัก ลองไปดูมะเร็งชนิดอื่นๆ
ที่พอได้เคมีบำบัดแล้ว เมื่อมีผลกระทบต่อการสร้างเม็ดเลือดก็ต้องหยุดยาแล้ว แต่ลูคีเมีย...ยังไม่ทันให้ยาเลย เม็ดเลือดปกติก็ต่ำไปหมดแล้ว
“โรคนี้ ถ้ารักษาไม่ถูกต้องส่วนใหญ่คนไข้ก็จะเสียชีวิตในระยะเวลา 3 เดือน...6 เดือนหมายถึงว่า อาการมันมาก”
เข้าสู่วิธีการรักษา คุณหมอสุรพลเปิดประสบการณ์ให้ฟังว่า เราต้องให้ยาเคมีบำบัดไปฆ่าไปทำลายเซลล์ลูคีเมีย ปัญหามีว่ายาเคมีบำบัดก็เหมือนยาพิษ หากเกิดภาวะแทรกซ้อน
แล้วที่สำคัญ...ยาก็ไม่ได้เลือกฆ่าเฉพาะเซลล์มะเร็ง แต่ก็ฆ่าเซลล์ปกติไปด้วย
ในช่วงระยะเวลาสอง...สามสัปดาห์แรกของการรักษา คนไข้จะแย่มาก การรักษาต้องให้การประคับประคองกันไป แต่ถ้า...คนไข้โชคดีให้ยาเคมีบำบัดไปชุดนึงแล้ว โรคเข้าสู่ระยะที่เรียกว่า “โรคสงบ”
หมายความว่ามี “เซลล์ลูคีเมีย” ในไขกระดูกน้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ การฟื้นตัวของไขกระดูกปกติ...ฟื้นขึ้นมา มีการสร้างเม็ดเลือดปกติ...ได้เป็นจำนวนปกติ ปัญหาหลักของ “มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน”
มีอีกว่า เรารักษาด้วยเคมีบำบัดแล้ว โรคเข้าสู่ระยะสงบ แต่โรคจะกลับมาเป็นอีกได้
หน้าที่ของแพทย์ก็คือ...ทำอย่างไรให้โรคสงบ ไม่กลับมาเป็นอีก?
“น้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ถือว่าสงบแล้ว แต่ปัญหาคือยังไม่หมด... ยังเหลืออยู่ การฆ่า...การทำลายเซลล์มะเร็งด้วยยาเคมีบำบัด จะลดเซลล์มะเร็งได้เป็นสัดส่วนเช่นว่า จากหมื่นตัว...เหลือพันตัว พันตัว...เหลือร้อยตัว ร้อยตัว...เหลือสิบตัว สิบตัว...เหลือหนึ่งตัว”
การทำให้ลูคีเมียหายขาด การรักษาก็คือ...ต้องให้การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์หรือการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดมาร่วมด้วย...จากประสบการณ์เมื่อเราให้ยาเคมีบำบัดขนาดสูงไปก่อน เพื่อทำให้เซลล์ลูคีเมียหมดไป แล้วก็เอาไขกระดูกหรือว่าสเต็มเซลล์ให้เข้าไป
“สเต็มเซลล์” ที่ว่านี้...จะหาได้จากที่ไหน? ส่วนใหญ่ก็จะต้องเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน ที่มีลักษณะทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับการปลูกถ่ายอวัยวะที่เหมือนกัน
โอกาสที่จะตรงกัน 100 เปอร์เซ็นต์เปี๊ยบทุกตัว...จะอยู่ที่ราวๆ 25 เปอร์เซ็นต์
อีก 75 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่เหมือนก็หมายถึงว่าหาคนให้ไม่ได้ ศ.นพ.
สุรพล บอกอีกว่า การปลูกถ่ายไขกระดูกช่วยยังไงก็อย่างที่บอกไปแล้วข้างต้นว่า การให้เคมีบำบัดขนาดสูงที่ให้ก่อนให้สเต็มเซลล์กับตัวสเต็มเซลล์เองมีเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า ลิมโฟไซต์ของคนให้
“เวลาให้เข้าไปจะไปทำลายเซลล์ลูคีเมียที่หลงเหลือในตัวผู้ป่วย ก็จะทำให้โรคหายขาด”
ที่พัฒนาต่อเนื่องไปจากเดิม สเต็มเซลล์...เมื่อก่อนจะต้องเจาะเอา
จากไขกระดูก บริเวณกระดูกหลัง...ผู้ใหญ่ใช้ประมาณ 1 ลิตร ปัจจุบันสามารถที่จะให้ยาไปเคลื่อนย้ายสเต็มเซลล์จากไขกระดูกออกมาในเลือด ทำให้สามารถเก็บสเต็มเซลล์จากเลือดได้
แล้วที่เป็นไฮไลต์ที่บอกว่า คนให้สเต็มเซลล์จะต้องเป็นพี่น้องกัน ตรวจทางพันธุกรรมเหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่เหมือนก็ต้องไปหาคนที่มีจิตศรัทธาที่ขึ้นทะเบียนบริจาคไว้ที่สภากาชาดไทย แล้วกว่าที่จะหาเจอก็ต้องใช้เวลานาน มีค่าใช้จ่ายสูง บางคน...รอไม่ไหว
ตอนนี้มีเทคโนโลยีใหม่ สามารถที่จะปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากคนไข้ที่เหมือนกันครึ่งเดียว มีลักษณะทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับการปลูกถ่ายอวัยวะเหมือนกันครึ่งเดียว เช่น พ่อกับแม่ให้ลูก ลูกให้พ่อแม่ หรือพี่น้องที่เหมือนกันครึ่งเดียวก็ใช้ได้ ก็จะสามารถที่จะปลูกถ่ายได้ 100 เปอร์เซ็นต์
ทุกคนสามารถที่จะรักษาด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฮิตกันมาในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา บ้านเราเริ่มทำที่โรงพยาบาลศิริราชกับโรงพยาบาลกรุงเทพ ใช้เทคนิคใหม่ ที่ว่านี้...หลังจากให้สเต็มเซลล์ไปแล้ว 3-4 วัน ก็มีการให้ยาเคมีบำบัดไปทำลายเซลล์ที่ถูกกระตุ้นที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกัน
ทำให้การปลูกถ่าย “สเต็มเซลล์” หรือ “เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด” ประสบความสำเร็จ
โดยสรุป “ลูคีเมียชนิดเฉียบพลัน” เป็นโรคที่ร้ายแรง การรักษาก็คือการให้ยาเคมีบำบัดจนคนไข้เข้าสู่ระยะที่เรียกว่า...“โรคสงบ” หลังจากนั้นก็ต้องหาวิธีการที่จะป้องกันไม่ให้โรคกลับมาเป็นใหม่ ที่ดีที่สุดโดยเฉพาะที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่สุดก็คือ การให้ยาเคมีบำบัดขนาดสูงแล้วตามด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์
“โรคพวกนี้สาเหตุจริงๆไม่มีใครทราบ แต่อาจจะเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับสารเคมี อีเล็คโตรแมกเนติก ฟิล์ด...สนามแม่เหล็กไฟฟ้า ทำการศึกษาคนไข้เทียบกับคนปกติที่ไม่ได้เป็นโรคพบว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน อย่างเช่นอยู่ในที่ที่มีสายไฟฟ้าแรงสูงผ่านจะมีโอกาสเป็นมากกว่า แต่ก็ไม่ได้เป็นเหตุโดยตรงร้อยเปอร์เซ็นต์”
สำหรับช่วงอายุ ยิ่งอายุมากโอกาสที่จะเป็นก็ยิ่งมีมาก ข้อสังเกตเบื้องต้นถ้ามีอาการอย่างที่บอก...โลหิตจาง เหนื่อยง่าย ตัวซีด มีไข้ มีจุดเลือดออกตามตัว จะเป็นอย่างเดียว สองหรือทั้งสามอย่างพร้อมกันก็ได้
“เซลล์ผิดปกติที่จะกลายเป็นมะเร็งเกิดขึ้นตลอดเวลาในผู้คน
ปกติ แต่ร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันเซลล์ผิดปกติที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลานี้อยู่แล้ว แต่เมื่อไหร่ก็ตามถ้าเรามีความเครียด จิตตก มีทุกข์มาก ระบบภูมิคุ้มกันจะลดลง ผล...ทำให้เซลล์ที่ผิดปกติเพิ่มจำนวนขึ้น เป็นโรคได้ เราต้องไม่เครียด”
ศ.นพ.สุรพล อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์โลหิตวิทยากรุงเทพ กล่าวทิ้งท้าย.